วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เตรียมต้อนรับ....HALLOWEEN

เทศกาลนี้จัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี บ้างก็ว่าเป็นเทศกาล ปล่อยผี บ้างก็ว่าเป็นวันแห่งการบูชาปีศาจ แต่จริงๆ แล้วฮัลโลวีนมาจากคำว่า All Hallows Eve. November 1 คำว่า All Hollows Day (All Saints Day) เป็นวันสำคัญทางศาสนาคริสต์นิกายแคธอลิค เพื่อยกย่องเหล่า นักบวชทั้งหลาย แต่เหตุผลที่เลือกวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปีเป็นวันฮัลโลวีนก็มาจากเหตุผลที่ว่าในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ฤดูร้อนบนเกาะเซลติคนั้นสิ้นสุดลงเมื่อ 31ตุลาคม ซึ่งก็ได้ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวเซลติคไป โดยปริยาย
ชาวเซลติคมีความเชื่อว่าในวันขึ้นปีใหม่วิญญาณทั้งหลายจะลุกขึ้นมาหาร่างของสิ่งมีชีวิตเพื่อจะอาศัยเป็นร่าง ชั่วคราวจนกว่าจะ
ถึงปีใหม่ปีหน้า ขณะเดียวกันชาวเมืองก็จะดับไฟในบ้านเพื่อให้บ้านหนาวเย็น และไม่น่าเข้าใกล้ นอกจากนั้นก็จะแต่งตัวเป็นผี
ชาวโรมันรับเอาประเพณีนี้มาแต่ได้ปรับใช้กับการบูชาเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่ชื่อว่า 'พาโนมา'ซึ่งสัญลักษณ์ประจำตัวของ เทพพาโนมาก็คือแอปเปิ้ลซึ่งอาจเป็นที่มาของการเล่นเกมส์งับลูกแอปเปิ้ลในเทศกาลฮัลโลวีนยุคปัจจุบันในขณะเดียวกันการแต่งกายเป็นผีลักษณะต่างๆ ก็เริ่มได้รับความนิยมและกลายเป็นประเพณีที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
เชื่อกันว่าการละเล่น ทริค หรือ ทรีต มีต้นกำเนิดมาจากประเพณีการขอขนมเค้กตามบ้านของชาวยุโรปในต้นศตวรรษที่ 9 ที่เรียกว่า 'Souling' (โซลลิ่ง) ที่มีขึ้นในวันที่ 2 พฤศจิกายน ชาวคริสเตียนจะเดินจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งเพื่อขอขนมเค้กตามบ้าน เค้กซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมโรยด้วยผลไม้รสเปรี้ยวยิ่งขอเค้กได้มากเท่าไหร่ บรรดาญาติผู้ล่วงลับของผู้ขอก็จะ ได้บุญมากเท่านั้น
ขณะที่ตำนานการใช้ฟักทองเป็นสัญลักษณ์ในเทศกาลฮัลโลวีนได้กล่าวไว้ว่า ในตำนานของชาวไอริชเกี่ยวกับ แจ็ค โอ แลนเทิล ที่เล่าถึงชายชื่อแจ็ค ที่ลวงปีศาจให้เข้าไปติดอยู่ในโพรงไม้ โดยมีข้อแม้ว่าถ้าปีศาจไม่มาหลอกเขา เขาจึงจะปล่อยปีศาจให้เป็นอิสระ เมื่อแจ็คตายทั้งสวรรค์และ นรกต่างปฏิเสธไม่ยอมให้แจ็คผ่านลงไปยิ่งไปกว่านั้นปีศาจยังได้มอบคบเพลิงพร้อมด้วยโคมหัวผักกาดที่จะป้องกันลมให้กับแจ็คเพื่อใช้เป็นแสงสว่างนำทาง ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บ เมื่อชาวไอริชเดินทางมาอเมริกาก็เห็นว่าฟักทองนั้นสวยปิ๊งกว่าหัวผักกาดเป็นไหนๆ จึงเป็นที่มาของการจุดเทียนตั้งไว้ในลูกฟักทองในวันฮัลโลวีนเพื่อเป็นการระลึกถึงแจ็ค โอ แลนเทิล

ไม่มีความคิดเห็น: