วันศุกร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

..........

เภสัช: แค่ก ... แค่ก ... ขอยาให้ฉันหน่อย ฉันมีอาการ ไอ ....เลิฟ ยู

พยาบาล: หน้าที่ของฉันคือเยียวยา พอรักษาหายเธอก็จากไป

สัตวะ : Love me, love my dog

นิเทศ: อกหักไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยังเล่นใหม่ได้อีกหลายเทค คิคิ

นิติ โธ่เอ๊ย: ....ความรักนี่ช่างไม่ยุติธรรมเลย

บัญชี : คำนวณตัวเลขอาจใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที แต่คำนวณใจเธอนั้นสิต้องใช้เวลาเป็นปี

รัฐศาสตร์: สาวรัฐศาสตร์ขอบอกเธอว่า รัก...สาด...สาด

ครุศาสตร์: ฉันสามารถสอนเทอได้ทุกอย่าง แต่มีเรื่องเดียวที่อยากให้เทอสอนฉัน

อักษรศาสตร์: หว่ออ้ายหนี่ ติอาโม เฌอแตม ไอเลิฟยู รักหลายเด้อ

การตลาด : ได้ใจเธอคือกำไร เธอไม่สนใจคือเท่าทุน เธอทิ้งฉันก้อขาดทุนดิว่ะ โง่เลยเรา

วิทย์คอม : โครงการพัฒนา software Heartdisk ของเธอมีกี่ "กิ๊ก" ส่งใจไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็มซักที

แพทย์ :บุหรี่ฉันก็ไม่สูบ สุขภาพก็ดูแลดี แต่พอเจอเธอทุกที ... มีอาการโรคปอดแหกขึ้นทันใด

วิทยา: ความรัก ♥ ไม่มีสูตรตายตัว

ศิลปกรรม : ปั้นเท่าไหร่ก็ไม่เหมือน เพราะเธอน่ารักขึ้นทุกวัน

วิทย์กีฬา : ร่างกายแข็งแรง แต่หัวใจอ่อนแอ

สหเวช : ไม่รู้ว่าเครื่องเอกซเรย์เสียหรือเปล่า เพราะเอกซเรย์ลงไปก็เจอแต่หน้าเธอ

สถาปัตย์: รักออกแบบไม่ได้ ♥

ทันตะ: ถ้าตรวจฟันฉันคงเจอแมงกินฟัน ถ้าตรวจหัวใจฉันคงเจอเธอกินใจ หุหุ

ประวัติศาสตร์: เก็บเธอไว้ในอดีต แล้วมาศึกษาหลักฐานชิ้นใหม่ ข้อมูลแน่นกว่า

โบราณคดี : ..หลักฐานมีอยู่ แต่พยานได้ตายไปหมดแล้ว 555+

เศรษฐศาสตร์: ... ซัพพลายต้องพอดีกับดีมานด์ เหมือนใจเรา 2 คนที่พอดีกันเป่ะงัยอ่ะ

วิศวะ: คณะนี้ผู้ชายมันเยอะนี่หว่า ...ดูไปดูมานายก็น่ารักดีนะ เพื่อนกูรักมึงว่ะ

10 วิธี ที่พอจะทำให้ลืมคนที่อยากลืม


1. นึกว่าเหตุที่เราต้องลืมเขาเพราะอะไร คงไม่ใช่ส่วนดีของเขาแน่ๆ

2. หลังจากนั้นให้พยายามย้ำความคิดนั้นเพื่อจะไม่ให้เกิดความ อาวรณ์เขามากไป

3. พยามหลีกเลี่ยงการเจอเขาแบบตัวต่อตัว เพราะเกิดเขาเผลอมาทำดีกะเรา เราจะยิ่งเขว แต่ถ้าเขามากะแฟน จะดีมาก (แบบว่าช้ำสุดๆม้วนเดียวจบ)

4. หลีกเลี่ยงไปซ้ำที่เดิมๆ ที่เคยไปกะเขา

5. หากิจกรรมที่ต่างจากเมื่อคบเขา เช่น แต่ก่อนเขาและเราชอบฟังเพลง ป๊อบ ให้เปลี่ยนใหม่ มาฟังเพลงร้อคแทน (เอาให้โลกแตกไปเลย)

6. อย่าทำให้ตัวเองว่าง เกาะเพื่อนๆ เข้าไว้ มันจะเป็นช่วงหนึ่งแหละ หลังจากนั้น จะสามารถอยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องห่วง

7. ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่นลงเรียนต่อ ไปเรียนทำขนม ไปเรียนร้องเพลง ฯลฯ (มีโอกาสเจอเพื่อนๆใหม่ด้วย)

8. อย่านั่งมองท้องฟ้าตอนเย็นๆ เพราะมันจะเหงามาก เคยมีคนศึกษาพบว่าบรรยากาศตอนเย็นคนอยากฆ่าตัวตายมากที่สุด

9. อย่านั่งมองฝนตก เหมือนถ่ายมิวสิกวีดีโอ มันจะยิ่งอยากร้องไห้แล้วถ้าร้องไห้ไม่มีคนมาเช็ดน้ำตาหรอกเพราะคุณไม่ใช่นางเอกน่ะสิ

10. อย่าหาเรื่องกินจนอ้วน เพราะมันจะทำให้คุณหมดความมั่นใจไปกว่าเดิม

Cha-am

Cha Am (Thai ชะอำ) is a district (Amphoe) in the southern part of Phetchaburi province, central Thailand. The district was established in 1897 in the name of Na Yang. In 1914 the center of the district was moved to Ban Nong Chok (now in Tha Yang district) and changed the name to Nong Chok district. After World War II, the government moved the office to Tambon Cha Am and also changed the district name to be Cha Am.

It is a famous beach resort town in Thailand. Cha Am houses the only American University in Thailand. Webster University has over 300 students from numerous international countries.

Districts to the north are Amphoe Tha Yang, south Amphoe Hua Hin of Prachuap Khiri Khan Province, also a beach resortCha Am is also famous for its beach front which is home to many high rise beach resorts

Hua Hin

Hua Hin (Thai หัวหิน) is a famous beach resort town in Thailand, in the northern part of the Malay Peninsula, some 200 km south of Bangkok. It has a population of 84,883 in an area of 911 km², and is one of eight districts (Amphoe) of the Prachuap Khiri Khan province.

In 1834, before the name Hua Hin was coined, some agricultural areas of Phetchaburi Province were hit by severe drought. A group of farmers moved southward until they found a small village that had bright white sands and a row of rocks along the beach. They settled here and gave it the name Samore Riang (Thai สมอเรียง), which mean rows of rock.

In 1921 the director of the state railway, Prince Purachatra, built the Railway Hotel close to the beach. King Prajadhipok (Rama VII) liked the place so much that he built a summer palace there. The palace was named Wang Klai Kang Won ('Far from Worries'). It is now the full-time residence of His Majesty the King of Thailand. His Royal Highness Prince Krom Phra Naresworarit was the first member of the royal family to build a group of palaces at Ban Laem Hin, called Sukaves, and he give the name Hua Hin to the beach next to his palace.

In 1932 Hua Hin was part of Pran Buri district. In 1949 Hua Hin was promoted to be a district of Prachuap Khiri Khan province. After the building of southern railway, Hua Hin became the first and most popular beach resort of Thailand.

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

โตป่านนี้...ได้เรียนรู้อะไรบ้าง ขำขำ


1. เวลาไปงานวัด งานสวนอัมพร อย่าไปกินหอยทอดแม่เสน่ห์ ถ้าเงินในกระเป๋าไม่ถึงห้าร้อย

2. ชายสี่หมี่เกี๊ยวแต่ละร้าน มันไม่ได้เป็นญาติกันซะหน่อย

3. เวลาโทรไปไม่เจอใคร แล้วฝากข้อความไว้ที่ใครควรถามชื่อคนที่เราคุยกับเขาด้วย

4. เวลามีโทรศัพท์มา แล้วบังเอิญคนที่โทรมารู้จักกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆ เรา อย่าไปถามว่า จะคุยกับ...ไหม? พูดแค่ "ตอนนี้....ก็อยู่ข้างๆ ด้วยนะ" ถ้ามันอยากคุยมันก็ขอคุยเอง

5. หาดใหญ่ ไม่มีหาด

6. คนขวานผ่าซาก ไม่ใช่คนตรง เสมอไป

7. ผู้ใหญ่ ไม่จำเป็นต้องอายุมาก อายุมาก ไม่จำเป็นต้องยกมือไหว้เสมอไป

8. จะขับรถเข้าเซ็นทรัลลาดพร้าว อย่าเข้าซ้ายสุด มันไม่ใช่สะพานเลี้ยวเข้าเซ็นทรัล มันจะพาเราวนไปส่งลาดพร้าวอย่างไม่ไยดี

9. แท็กซี่รู้ทางดีกว่าเรา

10. ต้องระวังคนที่ดูเป็นคนดี๊ คนดี

11. คนมีหนวด ไม่จำเป็นต้องดุ

12. เอารถไปเดอะมอลล์บางกะปิ จอดฝั่งตรงข้ามแล้วข้ามถนนเอาก็ได้ ถ้าไม่อยากแก่ตายในรถ เวลาลงจากที่จอดรถ

13. เวลาอกหัก ไม่จำเป็นต้องรีบลืม

14. พูดภาษาอังกฤษกับฝรั่งพูดผิดได้ ไม่เป็นไรฝรั่งไม่ว่า แต่คนไทยข้างๆ มันจะถากถางเรา

15. หนังอาร์ น่าดูกว่าหนังเอ๊กส์

16. ไม่มีใครชอบฟังว่า มีคนด่าแกลับหลังมาว่ายังไงบ้าง

17. สิว ไม่ได้เกิดจากการเอ็กซ์มากไป

18. ออดเรียกพนักงานบนเครื่องบิน ที่มันอยู่ตรงที่เท้าแขนน่ะ ไม่ได้มีไว้เรียกพนักงานมาแล้วสั่งโค้กแก้วนึง

19. หมาเห่า บางทีมันก็กัด

20. ขึ้นโรงพัก ไม่ใช่เรื่องซวยขนาดต้องไปอาบน้ำมนต์

21. ละครที่เราดูไปแล้วด่าไปด้วย ส่วนใหญ่เป็นละครที่เรตติ้งสูงสุดขณะนั้น

22. ถ้ามีคนบอกว่าดูหนังเรื่องนั้นแล้ว ไม่เห็นสนุกถามให้ดีก่อนว่ามันดูมาจากแผ่นวีซีดีหนังซูมหรือเปล่า

23. อย่าขอโทษถ้าไม่อยากขอโทษ แต่พอเมื่ออยากแล้วอย่าลังเล

24. ผู้หญิงก็ชอบถูกจีบเหมือนกัน

25. เวลาจะยัดเงินตำรวจจราจร 100 บาท ไม่ต้องยกมือไหว้บอกมันว่า " ช่วยผมหน่อยครับ" และเมื่อให้ไปแล้ว ไม่ต้องขอบคุณก็ได้

Strawberry

The typical modern strawberry, of the genus Fragaria, comes from the Americas, and is a hybrid of both North and South American varieties. Interestingly, the crossbreeding was done in Europe to correct a mistake; the European horticulturists had only brought female South American plants, and were forced to cross them with the North American variety in order to get fruit and seeds. Fragaria comes from "fragans", meaning odorous, referring to the perfumed flesh of the fruit. Madam Tallien, a great figure of the French Revolution, who was nicknamed Our Lady of Thermidor, used to take baths full of strawberries to keep the full radiance of her skin. Fontenelle, centenarian writer and gourmet of the 18th century, considered his long life was due to the strawberries he used to eat. Strawberries were considered poisonous in Argentina until the mid-nineteenth century. Strawberries have a taste that varies by cultivar, and ranges from quite sweet to rather tart.

Popular etymology has it that the name "straw" berry comes from gardeners' practice of mulching strawberries with straw to protect the fruits from rot (a pseudoetymology that can be found in non-linguistic sources such as the Old Farmer's Almanac 2005). However, there is no evidence that the Anglo-Saxons ever grew strawberries, and even less that they knew of this practice.

There is an alternative theory that the name derives from the Anglo-Saxon verb for "strew" (meaning to spread around) which was streabergen (Strea means "strew" and Bergen means "berry" or "fruit") and thence to streberie, straiberie, strauberie, straubery, strauberry, and finally, "strawberry", the word which we use today. The name might have come from the fact that the fruit and various runners appear "strewn" along the ground.



Le jour de la Saint-Valentin, le 14 février, est considéré dans de nombreux pays comme la fête des amoureux. Les couples en profitent pour échanger des mots doux et des cadeaux comme preuves d’amour ainsi que des roses rouges qui sont l’emblème de la passion.


À l’origine fête de l’Église catholique, le jour de la Saint-Valentin n’aurait pas été associé avec l’amour romantique avant le haut Moyen Âge. La fête est maintenant associée plus étroitement à l’échange mutuel de « billets doux » ou de valentins illustrés de symboles tels qu’un cœur ou un Cupidon ailé.


À l’envoi de billets au XIXe siècle a succédé l’échange de cartes de vœux. On estime qu’environ un milliard de ces cartes sont expédiées chaque année à l’occasion de la Saint Valentin, chiffre battu seulement par le nombre de cartes échangées lors des fêtes de Noël. On estime aussi que 85 % de ces cartes sont achetées par des femmes.

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

หลักการตลาด


1. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและพูดว่า "ผมรวย แต่งงานกับผมเถอะ!" - นี่คือ Direct Marketing

2. คุณอยู่ที่งานปาร์ตี้กับพรรคพวกของคุณและพบสาวสวยสุดเซ็กซี่คนหนึ่ง เพื่อนของคุณคนหนึ่งเดินเข้าไปหาเธอชี้มาที่คุณแล้วพูดว่า "เขารวยมากแต่งงานกับเขาเถอะ!" - นี่คือการโฆษณา

3. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและขอเบอร์โทร วันรุ่งขึ้นคุณจึงโทรไปหาและพูดว่า "สวัสดีครับ ผมรวยมาก แต่งงานกันผมเถอะ" - นี่คือ Telemarketing

4. คุณอยู่ที่งานปาร์ตี้และพบสาวสวยสุดเซ็กซี่คนหนึ่ง คุณยืนขึ้นจัดเนคไทให้เรียบร้อย เดินเข้าไปหาเธอ เลี้ยงเครื่องดื่มเธอ คุณเปิดประตู(รถยนต์) ให้เธอ ถือกระเป๋าให้เธอจนเธอนั่งเรียบร้อย ช่วยขับรถให้เธอแล้วพูดว่า "ผมรวย คุณจะแต่งงานกับผมไหม?" - นี่คือพีอาร์

5. คุณอยู่ที่งานปาร์ตี้และพบสาวสวยสุดเซ็กซี่คนหนึ่ง เธอเดินเข้ามาหาคุณและพูดว่า "คุณรวยมาก! แต่งงานกับฉันไหม?" - นี่คือ Brand Recognition

6. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและพูดว่า "ผมรวย แต่งงานกับผมเถอะ!" เธอตบหน้าคุณอย่างแรง - นี่คือ Customer Feedback

7. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและพูดว่า "ผมรวยมากแต่งงานกับผมเถอะ!" แล้วเธอก็แนะนำให้คุณรู้จักกับสามีของเธอ - นี่คือช่องว่างระหว่าง demand และ supply

8. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและก่อนที่จะได้พูดอะไร ก็มีผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาและพูดกับเธอว่า "ผมรวย คุณจะแต่งงานกับผมไหม?" แล้วเธอก็ไปกับผู้ชายคนนั้น - นี่คือการแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด

9. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและก่อนที่จะได้พูดว่า "ผมรวย แต่งงานกับผมเถอะ!" ภรรยาของคุณก็มาถึง - นี่คือข้อจำกัดในการเข้าสู่ตลาดใหม่.

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ROMANCE-MATHEMATICS


ROMANCEMATHEMATICS


Smart man + smart woman = romance

ผู้ชายเท่ห์ + ผู้หญิงเก่ง = ความโรแมนติก


Smart man + dumb woman = affair

ผู้ชายเก่ง + ผู้หญิงโง่ = ความใคร่ *


Dumb man + smart woman = marriage

ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงเก่ง = การแต่งงาน


Dumb man + dumb woman = pregnancy

ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงโง่ = ตั้งท้อง **


* OFFICE ARITHMETIC *


Smart boss + smart employee = profit

เจ้านายเก่ง + ลูกน้องเก่ง = กำไร


** Smart boss + dumb employee = production

เจ้านายเก่ง + ลูกน้องโง่ = ผลผลิต


** Dumb boss + smart employee = promotion

เจ้านายโง่ + ลูกน้องเก่ง = เลื่อนตำแหน่ง


Dumb boss + dumb employee = overtime

เจ้านายโง่ + ลูกน้องโง่ = OT อย่างเดียว **


* SHOPPING MATH *


A man will pay $2 for a $1 item he needs.

ผู้ชายจ่าย 2 บาท ต่อของ 1 ชิ้นที่เขาต้องการ


A woman will pay $1 for items that she doesn't need.

แต่ ผู้หญิง จ่าย 1 บาท ต่อ ของหลายๆชิ้น ที่เธอไม่ต้องการ


* GENERAL EQUATIONS & STATISTICS *

A woman worries about the future until she gets a husband.
ผู้หญิงจะกังวลเกี่ยวกับอนาคตจนกว่าจะมีสามี **

A man never worries about the future until he gets a wife.
แต่ ผู้ชายไม่เคยกังวลเลยเกี่ยวกับอนาคตเลยจนกระทั่งมีภรรยา **

A successful man is one who makes more money than his wife can spend.
ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาเงินได้มากกว่าที่ภรรยาใช้ **

A successful woman is one who can find such a man.
แต่ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาสามีได้อย่างคนข้างบน **

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

7 สูตรสำเร็จเพิ่มความฉลาด

ใครที่รู้สึกว่าสมองอ่อนล้า เฉื่อยชา และความจำถดถอย เรามีวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำให้กับสมอง เพราะจากผลการวิจัยบอกว่ายิ่งทำได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อสมอง

1.บริหารสมองอยู่เสมอยิ่งเราใช้สมองมากและบ่อยเท่าไหร่ เซลล์สมองจะยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้ความสามารถในการจำดีขึ้นตามไปด้วย วิธีบริหารสมอง เช่น การเล่นหมากฮอส ต่อจิ๊กซอว์ หรือเล่นครอสเวิร์ด

2.กินยาเสริมความจำมีผลการวิจัยยืนยันว่าหลังจากการกินโสมในปริมาณ 400 มิลลิกรัมไปแล้ว 1 ชั่วโมง จะทำให้ความสามารถในการจำดีขึ้นและส่งผลต่อไปอีกถึง 6 ชั่วโมง แปะก๊วยก็มีการยืนยันว่าส่งผลดีต่อระบบความจำเหมือนกัน เพราะจะไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในสมอง นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในอเมริกาพบว่า Vinpocetine ที่สกัดได้ขากต้น Periwinkle (ไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่มีดอกสีฟ้า ใบเข้มเป็นมัน) นั้นจะช่วยเพิ่มความจำและความจดจ่อในสิ่งที่กำลังทำอยู่

3.กินผักและผลไม้สดเนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่สูงในผักและผลไม้สดจะไปทำลายอนุมูลอิสระซึ่งเกิดจากการสะสมเป็นเวลานอนของเนื้อเยื่อไขมันอันจะทำให้สมองอ่อนแอลง และช่วยชะลออาการความจำถดถอยในผู้สูงอายุ อาทิ ผมไม้ที่มีสีแดง ม่วง และน้ำเงิน โดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดที่มีความเข้มข้นสูงที่เรียกว่า Anthocyanidin

4.ลดปริมาณแอลกอฮอล์เพราะจะส่งผลต่อการปลดปล่อยสาระสำคัญในสมองโดยจะไปขัดขวางความสามารถในการสร้างความจำใหม่ ๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นชื่อ ตัวเลข และเหตุการณ์ณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านี้ ความสามารถในการระลึกเหตุการณ์ณ์หรือเรื่องราวเก่า ๆ ในอดีตก็จะถูกบั่นทอนไปด้วย

5.ออกกำลังกายขณะที่ร่างกายของเราเคลื่อนไหวนั้นสมองจะได้รับเลือดมากเป็นพิเศษซึ่งนั่นหมายถึงว่าสมองจะได้รับกลูโคสและออกซิเจนมากขึ้นทำให้สมองแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้การออกกำลังกายยังไปเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นความจำของสารเคมีในสมองที่เรียกว่า Brain-Derived Neurotrophic Factor) ให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย แต่การออกกำลังกายที่หักโหมเกินไปกลับไม่เกิดประโยชน์ต่อระบบความจำ

6.จดบันทึกช่วยจำเพราะโดยธรรมชาติของสมองเรานั้นเมื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งตรงหน้า ความสามารถในการจดจำสิ่งอื่นก็จะลดลง ฉะนั้นการย้ายข้อมูลจากสมองมาเก็บไว้ในสมุดบันทึกอย่างคอมพิวเตอร์ ปาล์ม หรือโทรศัพท์มือถือ ก็เหมือสเป็นการช่วยลดความหนาแน่นของข้อมูลหรือเพิ่มพื้นที่ว่างในสมองเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

7.ทำสมาธิสมองของคนเรานั้นทำงานที่ความถี่หรือคลื่นสมองที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำหรือคิดอยู่ ภายใต้ความเครียดที่เกิดขึ้น คลื่นเบต้าของสมองจะทำงานเร็วขึ้นซึ่งจะส่งผลให้สมองลืมสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นเราควรคิดให้ช้าลง โดยการทำสมาธิ หลับตาลงช้าๆ หายใจเข้าเบาๆ ช้าๆ โดยตั้งสติอยู่ที่ปลายจมูก จากนั้นหายใจออกช้าๆ โดยตั้งสติอยู่ที่ช่องจมูกทางขวา จากนั้นหายใจเข้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เวลาผ่อนลมหายใจออกให้ตั้งสติที่ช่องจมูกทางซ้าย ทำเช่นนี้สลับกันประมาณ 10 นาที ทุกวันรับรองว่าสมองตื้อๆ ตันๆ จะกลับมาโล่งโปร่งใสเหมือ

Orange

L'orange, est un agrume. C'est le fruit de l'oranger, un arbre de la famille des Rutacées. Comestible, il est très riche en vitamine C. C'est le quatrième fruit le plus cultivé au monde (cf. l'article Fruit).
L'orange serait la pomme d'or du
jardin des Hespérides.

Description
L'orange est, comme son nom l'indique, de couleur orange. Elle possède une peau épaisse et assez rugueuse. Elle se découpe en quartiers comme sa cousine la mandarine. L'orange est un fruit juteux, sucré, excitant et il contient de la vitamine C. On utilise ce fruit pour les salades de fruits, les confitures, ou pour consommer son jus.

Histoire

L'oranger (Citrus sinensis) est originairement de Chine. On peut distinguer deux grandes routes de pénétration de ce fruit en Europe. La route méditerranéenne fut empruntée, à l'époque des croisades (XIe siècle-XIIIe siècle), par l'orange amère ou bigarade: transmis par les Perses aux Arabes, ce fruit fut implanté en Sicile, d'où il se diffusa vers le reste de l'Europe. Dans un second temps, au XVIe siècle, les navigateurs Portugais découvrirent l'orange douce en Chine, et la rapportèrent en Europe ; son succès finit par évincer l'orange amère. (Voir aussi ‘Les noms de l'orange dans quelques langues’, ci-dessous)
Jusqu'à la première moitié du
XXe siècle, l'orange était un fruit de luxe et souvent offert comme cadeau de Noël aux enfants. Sa culture en bac a longtemps été un symbole de pouvoir pour les aristocrates qui lui dédiaient des bâtiments spécialisés : les orangeries.

Vocabulaires

1.arbre (อาร์เบรอะ) n.m. ต้นไม้ยืนต้น
2.cultivé (กึลตีเว) a. ที่เพาะปลูกได้

3.rugueuse (รือเกอ) a. หยาบ ไม่เรียบ ย่น

4.originairement (ออรียีแนเรอมังต์) ad. แห่งภูมิลำเนาเดิม ที่เกิดในถิ่นแรกเริ่ม

5.pénétration (เปเนตราซีออง) n.f. การแทรกซึม